เมื่อต้นปี 2022 ทาง College Board ได้ประกาศว่าจะทำการเปลี่ยนข้อสอบ SAT ให้เป็นแบบ Digital SAT ซึ่งจะเริ่มใช้ข้อสอบตัวใหม่ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป สำหรับการสอบนอกสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทย และปี 2024 สำหรับการสอบในสหรัฐอเมริกาครับ
น้อง ๆ คนไหนที่มีแพลนจะสอบ SAT ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป มาทำความรู้จักกับ Digital SAT ให้มากขึ้นกันครับ โพสต์นี้จะทำให้น้อง ๆ ได้รู้แนวทางและเตรียมตัวสอบได้ถูกต้อง เตรียมความพร้อมแล้วไปลุยกับเจ้า SAT ตัวใหม่นี้กัน!!!
แน่นอนว่าการเปลี่ยนมาเป็น “Digital SAT” หมายความว่า ข้อสอบตัวใหม่นี้จะไม่เป็นข้อสอบแบบกระดาษอีกต่อไป แต่จะเป็นการสอบในระบบคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตครับ โดยที่นักเรียนสามารถนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ทำข้อสอบหรือจะใช้อุปกรณ์ของทางศูนย์สอบก็ได้ครับ (เบื้องต้นข้อมูลจากทางเว็บ College Board ได้แจ้งว่าหากนักเรียนมีความประสงค์จะใช้อุปกรณ์ของทางศูนย์ นักเรียนจะต้องทำเรื่องขอยืมอุปกรณ์ในขั้นตอนการสมัครสอบครับ)
ถึงแม้การสอบจะเป็นแบบ “digital” ก็ตาม นักเรียนก็ยังคงต้องไปสอบทีศูนย์สอบเช่นเคยครับผม
ระยะเวลาในการทำข้อสอบจะลดลงจากประมาณ 3 ชั่วโมง เหลือ 2 ชั่วโมง 14 นาที
นักเรียนจะต้องทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสอบลงในอุปกรณ์ล่วงหน้าก่อนวันสอบครับ และในแอปพลิเคชันจะมีฟังก์ชันดังต่อไปนี้:
ตัวแอปพลิเคชันจะต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสำหรับการทำข้อสอบครับ
หากกรณีที่อินเทอร์เน็ตหลุดระหว่างทำสอบ นักเรียนสามารถทำข้อสอบต่อไปได้เลยโดยไม่ติดขัด
ในกรณีที่อุปกรณ์แบตเตอรี่หมดหรือเครื่องดับระหว่างสอบ นักเรียนสามารถเสียบชาร์จและเปิดเครื่องเพื่อทำข้อสอบต่อไปได้เลยเช่นกัน และจะไม่สูญเสียเวลาทำข้อสอบในช่วงที่เครื่องดับไปอีกด้วย
คะแนนสอบจะยังคงเต็ม 1600 เหมือนเดิม และการเปลี่ยนมาทำข้อสอบในคอมพิวเตอร์ส่งผลให้คะแนนออกเร็วขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังสอบ จากเดิมที่ใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยครับ
ข้อสอบ Digital SAT ยังคงวัดระดับความรู้ความสามารถในด้าน Reading & Writing และ Math เช่นเดียวกับ SAT เวอร์ชันกระดาษ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและเนื้อหาบางส่วนครับ
Reading & Writing Section
Math Section
ข้อสอบ Digital SAT จะถูกแบ่งเป็นสอง section หลัก ได้แก่ Reading & Writing กับ Math และในแต่ละ section จะถูกแบ่งออกอีกทีเป็นข้อสอบสองชุด (ซึ่งแต่ละชุดเรียกว่า “module”) ข้อสอบจะเริ่มด้วย Reading & Writing Section และตามด้วย Math Section
Reading & Writing Section
Math Section
แต่ละ module จะถูกจับเวลาแยกกัน นักเรียนสามารถทำข้อสอบเฉพาะใน module นั้น ๆ ได้จนกว่าจะหมดเวลา จากนั้นตัวแอปพลิเคชันจะทำการเลื่อนไป module ถัดไป และนักเรียนจะได้พัก 10 นาทีระหว่าง section ครับ
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ส่งผลให้นักเรียนมีเวลาทำต่อข้อเพิ่มขึ้นในทั้ง Reading & Writing และ Math ซึ่งเป็นการวัดความสามารถของนักเรียนในวิชานั้น ๆ และไม่ได้เป็นการวัดความเร็วในการทำข้อสอบ
Adaptive testing เป็นการสอบที่ข้อสอบจะปรับระดับความยากให้เข้ากับระดับความสามารถของผู้สอบขณะที่ผู้สอบกำลังทำข้อสอบอยู่ และระบบนี้ยังทำให้การสรุปคะแนนของผู้สอบแต่ละคนออกมาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับข้อสอบ SAT ในแต่ละ section จะถูกแบ่งออกเป็นสอง module ได้แก่ module 1 และ module 2 ซึ่งในแต่ละ module จะมีรูปแบบข้อสอบที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างในส่วนของระดับความยากง่ายดังนี้
ทาง College Board ได้ปล่อยตัวอย่างข้อสอบของ Digital SAT ให้น้อง ๆ ได้เข้าไปดูเพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมตัวสอบกันครับ
จากตัวอย่างข้อสอบ ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดจากข้อสอบเดิมจะเป็นส่วนของ Reading & Writing ซึ่งสำหรับการเตรียมตัวน้อง ๆ อาจต้องรอ material และ practice ที่เป็นสำหรับ Digital SAT โดยเฉพาะถูกปล่อยออกมามากกว่านี้ อย่างไรก็ตามน้อง ๆ สามารถนำ practice เก่ามาใช้ในการฝึกอ่านและดูแนวคำถามไปก่อนได้ครับเนื่องจากรูปแบบคำถามและวิธีถามยังคงมีส่วนที่คล้ายเดิมอยู่บ้าง
ส่วนของ Math โจทย์จะค่อนข้างเหมือนตัวข้อสอบเวอร์ชั่นกระดาษเลยครับ นั่นหมายความว่าน้อง ๆ จะสามารถใช้โจทย์ practice ต่าง ๆ ที่มีสำหรับ SAT Math ในปัจจุบันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบได้เลย
น้อง ๆ ที่สนใจเรียนตัวต่อตัวหรือกลุ่มเล็ก และอยากให้พี่ ๆ A Sharp ช่วยเตรียมตัวในการสอบ SAT ไม่ว่าจะเป็น Digital SAT หรือ SAT ตัวปัจจุบันสามารถแอด LINE @asharp มาพูดคุยกันก่อนได้เลยนะครับ!